ร่องน้ำตาลึก ใต้ตาลึก

มาทำความรุ้จักฟิลเลอร์กัน

     ฟิลเลอร์คือสาร Hyaluronic acid หรือ HA Filler เป็นสารที่ผลิตมาเลียนแบบสารอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้วในชั้นใต้ผิวหนังหรือเรียกกันว่าคอลลาเจน หรือ HA เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนก็จะลดน้อยลงทำให้ใบหน้าและชั้นใต้ผิวของคนเราจะลดน้อยลงเกิดปัญหาที่ตามมาคือร่องลึก ใต้ตาลึก ทรุด ร่องแก้มลึก หน้าแก้มทรุด ร่องน้ำหมากลึก ขมับลึกเป็นต้น ปัจจุบันทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้มีการพัฒนามาไกลมากๆ ทำให้การแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆบนใบหน้าได้อย่างง่ายได้ โดยไม่ต้องพักฟื้น หรือดูแลที่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญ

รูปใช้เป็นตัวอย่างแสดงผลลัพธ์จากการรักษาโปรแกรมฟิลเลอร์ หลังทำทันที
12 มีนา 2565

ฟิลเลอร์ใต้ตา

     ปัจจุบันปัญหาใต้ตาลึกคล้ำเป็นปัญหาที่หลายหลายคนพบเจอ และกังวลอยู่เนื่องจากการใช้ชีวิตปัจจุบันนี้เปลี่ยนไป ซึ่งบริเวณใต้ตาและหน้าแก้ม ร่องแก้ม ขมับ เป็นเรื่องปกติของคนเราเลย เมื่ออายุมากขึ้นบริเวณพวกนั้นก็จะเกิดการทรุดตัวได้อยู่แล้ว และการใช้ชีวิตที่หนักของคนปัจจุบันทำให้ใครหลายหลายคนนอนดึก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ปัญหาใต้ตาคล้ำใต้ตา ลึก ทรุด ทำให้เราดูโทรม ไม่สดชื่น เป็นปัญหาที่ทำให้ใครหลายหลายคนขาดความมั่นใจ ดังนั้นการแก้ไขด้วยการเติมฟินเลอร์ใต้ตาจึงเป็นที่นิยม และตอบโจทย์มากในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ต้องมีการพักฟื้นใดๆ และดูแลง่ายไม่ยุ่งยาก การทำฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นผลทันทีหลังทำ และจะเห็นผลเต็มที่ 14 วัน การทำฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัยควรจะต้องดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานจึงจะปลอดภัย
     การฉีดฟิลเลอร์บริเวรใต้ตาเพื่อปรับ หรือแก้ไขจุดบกพร่องเช่น ใต้ตาลึก คล้ำ และทรุดตัวของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ดูโทรม อ่อนเพลีย ไม่สดใสทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ และการแพทย์ได้คิดค้นและพัฒนาฟิลเลอร์อยู่ตลอดเวลา จนได้มาเป็น HA (Hyaluronic acid) เป็นสารที่เสมือนที่อยู่ในร่างกานคนเราเป็นสารที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารและยาจาก U.S.FDA, KFDA และหลายประเทศทั่วโลก ปัจจับันการรักษาหรือแก้ไขจุดบกพร่องได้รับความนิยมมากๆในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องพักฟื้นใดๆ หลังทำเสร็จก็สามารถนัดเพื่อนเดินห้าง หรือทานข้าวต่อได้เลย ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากด้วยนะคะ

รูปใช้เป็นตัวอย่างแสดงผลลัพธ์จากการเข้ารักษาโปรแกรมฟิลเลอร์ หลังทำทันที
12 พค 2565

การดูแลหลังทำฟิลเลอร์

1. งดทาครีม และแต่งหน้าเป็นเวลา 48 ชม
2. งดดื่มแอลกอร์ฮอล 2 อาทิตย์
3. งดทานของหมักดอก และของแสลง 2 อาทิตย์
4. งดนวดหน้า หรือกดจุดบริเวณที่ทำฟิลเลอร์ไป
5. งดเข้าซาวหน้า และสตรีม
6. ทานยาที่คุณหมอจ่ายไปอย่างเคร่งคัด
7.หลังผ่านการเติมไป 1 วัน ล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมเบาๆให้สะอาด
8. มาติดตามผลตามที่คุณหมอนัด

ข้อระวังหลังเติมฟิลเลอร์

     ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์บริเวรใต้ตาจะเปิดรูเข็ม 2 รู เพื่อสะดวกคนไข้ในการดูแล และเทคนิกใหม่ของแพทย์ผู้ชำนาญการเลือกทำเทคนิกนี้ ดังนั้นหลังทำเสร็จแล้วควรทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง และดูแลเรื่องความสะอาดให้ได้มากที่สุด งดขยี้ตาแรงๆ เพราะอาจจะทำให้บริเวณที่เติมไปเกิด การระคายเคือง จนเกิดอาการอักเสบได้ และติดเชื้อได้ หลังทำไปแล้วมีอาการคัน หรือบวมแดง แจ้งกลับทางคุณหมอได้ทันที และรีบเข้ามาให้คุณหมอดูอาการ พร้อมจ่ายยาทานกลับไป

ข้อดีของเข็มหัวทู่

1.ไม่ผ่านตัดเส้นเลือด ลดปัญหาการฉีดเข้าเส้นเลือด
2.ลดปัญหาไม่เขียว ไม่ช้ำเลย
3.วางตัวยาได้สวยเนียนไม่เป็นก้อน
4.ดูแลหลังทำง่ายมาก ไม่ต้องระวังเยอะ
5.งานออกมาละเอียดละมุน เป็นธรรมชาติ

สำหรัลฟิลเลอร์ใต้ตาที่คลินิกเลือกใช้มีดังต่อไปนี้

EPTQ s100

     เป็นฟิลเลอร์น้องใหม่จากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากๆ ด้วยราคาที่ไม่แพง กล่องสีก็สวยน่ารัก สำหรับฟิลเลอร์ eptq ได้รับมาตรฐาน อย จาก KFDA และ FDA จากอเมริกา รุ่นนี้จะเหมาะกับตำแหน่งริมฝีปาก และใต้ตา ให้ความฟูที่สวย เนียน เป็นธรรมชาติ หลังเติมไปจะเห็นผลทันทีหลังทำเลยนะคะ

Belotero soft

     เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิซเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัทMerz ตัวนี้ได้รับความนิยมมากๆทั้งบริเวรใต้ตาและริมฝีปาก เพราะให้เนื้อเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ละมุนมากๆเลยค่ะ ทำไปแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

Juvederm Vobella และ Juvederm Volite

     เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ยืนหนึ่งมากสำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm ด้วยนวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัย และยังเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเป็นเวลานานมากๆเลยค่ะ สำหรับรุ่นนี้เหมาะกับบริเวณใต้ตาริมฝีปาก หน้าผาก เพราะเนื้อเนียนสวย ให้คววามยืดหยุ่นได้ดี อุ้มน้ำดี หลังทำเสร็จก็จะเห็นผลทันทีเช่นเดียวกันกับยี่ห้ออื่นๆ อยู่ได้  18 เดือนหรือนานกว่านั้น หรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่ที่ร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย

หมายเหตุ: ความฟูสวยของฟิลเลอร์จะฟุได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่ที่การดุแล การดื่มน้ำ และการตอบสนองตัวยาของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ