สเต็มเซล์ล คืออะไร
คือ เซล์ลต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซล์ลชนิดพิเศษที่พบได้ในสิ่งมีชีวิต สำหรับ Stem cell สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัดเลย และยังสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซล์ลต่างๆในร่างกายคนเราได้เกือบทุกชนิด อาทิเช่น เซล์ลผิวหนัง เซล์ลสมอง เซล์ลประสาท เซล์ลหัวใจ เซล์เม็ดเลือด เซล์ลกล้ามเนื้อ รวมไปถึงเซล์ลระบบประสาท Stem Cell มีหน้าที่ในการแบ่งตัวในการเพิ่มจำนวน และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซล์ลต่างๆเพื่อเข้าไปซ่อมแซมเซล์ลต่างๆในร่างกายที่มีการเสื่อมสภาพ
Stem Cell มีกี่ชนิด
Stem Cell ต้นกำเนิดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆคือ เซล์ลต้นกำเนิดชนิดแยกมาจากตัวอ่อน และเซล์ลต้นกำเนิดที่แยกตัวจากสิ่งมีชีวิตที่โตเต็มวัย หรือจากเนื้อเยื้อ
คุณสมบัติของเซล์ลทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันคือ
-
เซล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนจะสามารถแบ่งตัว และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซล์ลต่างๆได้ทุกชนิดในร่างกาย
-
เซล์ลต้นกำเนิดจากตัวโตเต็มวัย จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซล์ลได้ในเฉพาะเนื้อเยื้อ เช่น สเต็มเซล์ลของเลือด สามารถเปลี่ยนแปลงเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด
แหล่งที่มาของ Stem Cell ที่นำมาใช้ในเรื่องของความงาม เพื่อสร้างความอ่อนเยาว์ จะนิยมใช้สเต็มเซล์ลต้นกำเนินแบบโตเต็มวัย Adult Stem Cell หรือที่เรียกกันว่า MSC (Mesenchymal Stem Cell) ที่ได้มาจากแหล่งดันต่อไปนี้
-
สายสะดือ (Umbilical Cord)
-
ไขมัน (Adipose)
-
ไขกระดูก (Bone Marrow)
-
ฟัน (Teeth)
-
เลือดจากรก (Cord Blood)
MSC (Mesenchycal Stem Cell)
คือเซล์ลต้นกำเนิดจากเซล์ลโตเต็มวัย เป็นเซล์ลต้นกำเนิดในการสร้าง Connective Tissue ที่ช่วยการสร้างใยคอลลาเจน และอีลาสติน รวมไปถึงการสร้างหลอดเลือด และเนื้อเยื้อไขมันต่างๆ กระตุ้นให้มีการเกิดการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น ให้ผิวพรรณได้รับสารอาหารได้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวมีความเปล่งประกาย กระชับ อ่อนเยาว์ มีนำมีนวล และมีความยืนหยุ่นที่ดีมากขึ้น
วัยไหนควรเข้ารับการดูแลรักษาด้วย Stem Cell?
วัยตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรเข้ามารับการรักษาและดูแลตัวเองด้วย Stem Cell เนื่องจากคนเราเมื่ออายุ 30 ขึ้นไปเซล์ลต่างๆในร่างกายของเราก็จะมีการเสื่อมสภาพลงตามการเวลาของมัน ทำให้เซล์ลต่างๆเสื่อมตัวลงเรื่อยๆ ดังนั้นการใช้ Stem Cell ในการเข้ามาเป็นตัวกระตุ้น และฟื้นฟู รวมไปถึงการซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกายให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์ และแข็งแรงมากขึ้นนั้นเอง
โปรแกรม Stem Cell Treatment
Face treatment
-
ช่วยให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งมากขึ้น
-
ช่วยให้ผิวพรรณดูกระชับมากขึ้น
-
ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
-
ช่วยเข้าไปซ่อมแซมเซล์ลผิวหนังให้กลับมาทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
-
ช่วยกระตุ้นการเกิดใยแก้วคอลลาเจนมากขึ้น
IV Drip Therapy
-
ช่วยลดอาการอับเสบของร่างกาย
-
ช่วยบำรุงระบบสมอง และประสาท
-
ช่วยเข้าไปซ่อมแซมเซล์ลส่วนต่างๆที่เสื่อมสภาพของร่างกาย
-
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
-
ช่วยลดปัญหาการเสื่อมสภาพทางเพศ
ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
-
ปรึกษาแพทย์
-
แจ้งวันและเวลาที่ต้องการเข้าการรักษาอย่างน้อง 3 วัน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
-
แจ้งนัดล่วงหน้า 1 วัน และมาตามนัดในเวลาที่นัด
-
งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 7 วัน
-
พักผ่อนให้เพียงพอ
-
งดออกกำลังกายหนักๆ 2-3 วัน
-
อาหารให้ก่อนเข้ามารักษาให้เรียบร้อย
Stem Cell ควรทำกี่ครั้ง
-
อายุ 30 ปี ขึ้นไป ปีละ 1 ครั้ง
-
อายุ 60 ปีขึ้นไป 6 เดือนครั้ง หรือ ปีละ 2 ครั้ง
การเห็นผล
จะเริ่มเห็นผลหลังทำไปประมาณ 14 วันหลังทำ
-
ผิวหน้า จะเห็นผลได้เลยว่าผิวหน้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผิวอิ่มน้ำ ผิวฟูขึ้น เต่งตึงขึ้น
-
ผิวกาย ร่างกายสดชื่น และสดใสมากขึ้น ผิวพรรณมีน้ำมีนวลมากขึ้น และจะเห็นได้ชัดค่าเลือดมีเกณฑ์ที่ดีขึ้น และสำหรับอาการอับเสบในส่วนต่างๆของร่างกายมีการฟื้นตัวได้ดีมากขึ้นก่อนก่อนรักษา
ผลข้างเคียงหลังการรักษา
ร่างกายอาจจะมีอาการอ่อนเพลียได้ และอาจมีอาการเหมือนจะเป็นไข้ โดยมีอาการตัวอุ่นๆ ไม่สบายตัวเล็กน้อย ในช่วง 1-2 วันหลังทำได้ แต่ไม่ต้องตกใจและกังวล เป็นอาการปกติของการรักษา บางรายก็ไม่มีอาการดังกล่างเลย ขึ้นอยู่ที่ร่างกาบของแต่ละบุคคลด้วย