โปแกรมรีจุผิวหน้า

โปรแกรมฟื้นฟูสภาพผิวหน้า ที่ได้รับความนิยมมีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย 

     ปัจจุบันการดูแลผิวหน้าเป็นที่นิยมมากๆ เพราะบ้านเราแดดค่อนข้างแรง และมลพิษต่างๆทั้งฝุ่น PM 2.5 และฝุ่นควันรถ ทำให้ผิวหน้าของเราเสื่อมลง ผิวหน้าอ่อนแอลงดูไม่เป็นผิวสุขภาพดีเท่าที่ควร บางคนผิวหน้าถึงขั้นแพ้ง่าย แดงง่ายด้วยบางคนหน้ามันมาก บางคนหน้าแห้งมาก ผิวหน้าดุไม่สมดุลกันเท่าไหร่ และทุกวันนี้ใครๆก็อยากบูทผิวหน้าแบบเร่งรีบ อยากเห็นผลเร็วๆ เพราะต้องใช้หน้าทุกวัน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีการเปิดแมสกันมากขึ้นแล้ว ใครๆก็อยากเปิดแมสและโชว์ผิวหน้าจึงทำให้วงการแพทย์พัฒนาถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการบูทผิวหน้าแบบเร่งด่วน จึงทำให้เกิดโปรแกรมรีจูผิวหน้าขึ้นมากอย่างแพร่หลาย และรวดเร็วต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน 

ขั้นตอนการรักษาด้วยโปรแกรมรีจูผิวหน้า

     คุณหมอจะทำตัวยาฉีดเข้าไปบริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ชั้นตื้นๆ หลังฉีดจะเป็นตุ่มๆเล็กน้อยทั่วใบหน้าแต่หลังทำไป 15 นาที ตุ่มๆที่นูนก็จะยุบตัวลง โปรแกรมนี้ทำเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าเรา เพราะมี HA (hyaluronic acid) ที่เข้มข้นมากๆ และยังมีมัลติวิตามินเข้มข้นที่เป็นอาหารสำคัญของผิวหน้าอีกด้วย

มาดูกันหน้าใสตัวไหนที่ได้รับความนิยม
ชาแนล

     เป็นโปรแกรมสกินบูสเตอร์สำหรับผิวหน้า ประกอบไปด้วย 3 ส่วนผสมหลักๆที่เน้นเรื่องการปรับความสมดุลให้กับผิวหน้าแบบเร่งด่วนที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่เรื่องผิวหน้า

1. Pink yeast ทำหน้าที่คอยทำความสะอาดให้กับผิวหน้า และช่วยปรับความสมดุลให้แก่ผิวทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสดูเป็นธรรมชาติ และยังเสริมสร้างผิวหน้าให้ดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
2. Hyaluronic acid (12mg) เป็นสารอาหารที่ผิวหนังต้องการอย่างมากเรื่องของความชุ่มชื่นมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวตลอดเวลา กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน เพราะเป็นสารที่จะทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ และช่วยบำรุงผิวหน้าไม่ให้แห้งกร้าน ผิวหน้าดูสดใสตลอดเวลา
3. Peptide สำหรับสารตัวนี้มีส่วนผสมตัวยามากกว่า 14 ชนิดที่ช่วยในการเสริมสร้างความยืดหยุนของผิวหนังทั้งชั้นในและชั้นนอกเพื่อปรับความสมดุลบ์ให้แก่ผิวทำให้ผิวแข็งแรง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่นนอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารอาหารที่ผิวหน้าต้องการหลายชนิด รวมไปถึงมัลติวิตามินต่างๆมากกว่า 76 ชนิดยังมีกรดอะมิโน และกูลต้าไธโอน ที่คอยช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใส ผิวเนียน ดูเป็นธรรมชาติ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน 

ผลลัพธ์ที่ได้มีดังต่อไปนี้

- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ผิวอิ่มน้ำ ผิวฟูกระชับ ฉ่ำวาว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดปัญหาริ้วรอยตื้นๆ
- ปรับความสมดุลให้กับผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
- ช่วยลดรอยดำที่เกิดจากสิว ฝ้า กระ
- ปรับโทนสีให้ขาวกระจ่างใส
- ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาหมองคล้ำได้อย่างรวดเร็ว

Q: Skin booster คืออะไร?

A: คือ Hyaloronic acid ที่เข้มข้นกว่าตัวยาทั่วไป และอยู่ได้นานกว่า จะสามารถอุ้มน้ำไว้ในผิวหนังได้นานกว่า และยังสามารถกระจ่ายตัวยาไปสู่ชั้นผิวหนังได้ทุกชั้น และกว้างกว่า หลายๆประเทศใช้ตัวนี้แทน Filler เพราะมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน 
Q: เมโสชาแนล สามารถทำบริเวรไหนได้บ้าง?
A: สามารถทำได้ทุกจุดของใบหน้า เพราะผู้คนส่วนใหญ่นิยมบำรุงผิวหน้ามากกว่าบริเวรอื่นๆ ทำให้จะนิยมเน้นผิวหน้าเป็นหลักเลย หรือถ้าอยากเน้นบริเวณอื่นๆด้วยต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
 
Q: ทำแล้วกี่วันถึงจะเห็นผล? 
A: หลังจากทำไปแล้ว 3-4 วันก็จเริ่มเห็นผล จะเริ่มเเห็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของผิวชั้นในสู่ผิวชั้นนอก สังเกตุง่ายๆผิวจะมีความฉ่ำวาว มีออร่าแบบผิวสุขภาพดี ผิวชุ่มชื่นอมชมพุๆ ผิวกระจ่างใสกว่าก่อนทำ
 
Q: ทำแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ 1-2 เดือน แต่ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง 4-5 ครั้งขึ้นไปจะอยู่ได้นานหลายเดือนเลย แนะนำทำทุกๆ 1-2 อาทิตย์ครั้ง
 
Q: การดูแลหลังทำ? 
A: แนะนำทาครีมบำรุง เพื่อบำรุงสภาพผิวให้แข็งแรงมากขึ้น และทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ถ้าทำสองอย่างนี้เป็นประจำก็จะทำให้อยู่ได้นาน 
 
แนะนำทำติดต่อกันทุกๆ 2 อาทิตย์ 3-4 ครั้งขึ้นไป ครั้งแรกก็เริ่มเห็นผล

REJURAN HEALER

     สำหรับตัวนี้มาแรงแซงโค้งมากๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นบำรุงผิวหน้าแบบเร่งด่วนมากๆ 3 วันหลังทำก็เริ่มเห็นผลแล้วนะคะ ส่วนประกอบของตัวยานี้เป็น DNA จากปลาแซลม่อนที่เข้มข้นมากๆ PN (polynucleotide) เพราะความเข้มข้นของตัวยาทำให้ตัวนี้เป็นอาหารผิวชั้นเริ่ดของผิวหนังเรา ทำให้การซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิวเห็นผลเร็วและชัดเจนมากๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดไป เหมาะกับทุกสภาพผิวเลย ผิวหน้ามัน ผิวแห้ง ผิวไม่แข็งแรง รูขุมขนกว้าง ไม่ชุ่มชื้นเจอตัวนี้เข้าไปเรียกได้ว่าสยบเลยนะคะ ลักษณะการทำหัตถการ คุณหมอจะฉีดไปยังชั้นใต้ผิวหนังชั้นตื้นนำเพื่อนนำตัวยาฉีดไปวางให้ลงตำแหน่งนั้นๆเน้นบริเวณหน้าแก้ม และหน้าผากเป็นหลักเลย ใช้เวลาทำ 20-30 นาที (รวมแปะยาชา) ทำครั้งละ 2 ซีๆ 
ราคา 2 ซีๆ 9,900 บาท 
 

ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการรับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
6 พย 2566

โปรแกรมหน้าใส

   เป็นโปรแกรมทรีทเม้นทีเน้นในการให้อาหารผิว และการบำรุงผิวแบบทางลัด ปัจจุบันค่อนข้างนิยมมากๆ เพราะบางคนทาครีมบำรุงหลายตัวผิวหน้าก็ยังไม่ดีขึ้น หรือผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร การฉีดจึงเป็นทางลัดในการบำรุงสภาพผิว ให้ผิวแข็งแรง และได้สารอาหารที่ผิวต้องการ

ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไรบ้าง?

  1. ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
  2. ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรง
  3. ช่วยให้สิวลดลง แห้งไว
  4. ช่วยให้ลดเม็ดสีเมลานิลลง ทำให้แลดูขาวกระจ่างใส
  5. ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมสภาพิวที่เสื่อมสภาพให้แข็งแรงขึ้น
  6. ช่วยให้ผิวชั้นกลางเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
  7. ช่วยปรับความสมดุลให้กับผิวหน้า
  8. ช่วยลดความมัน เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
  9. ช่วยให้รูขุขขนกระชับ

Belotero Revive Skin Booster

     เป็นตัวที่ได้รับความนิยมมากๆ เพราะเป็นฟิลเลอร์ต้นๆของโลกที่นำ Hyaluronic Acid และ Glycerol เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากภายในสุ่ภายนอก หลักๆเน้นปรับสภาพผิวแบบเร่งด่วนโดยตรงเลย จะแตกต่างกับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆที่เน้นในเรื่องของการเติมเต็มส่วนที่ลึก ทรุด 

Belotero Revive เหมาะสภาผิวแบบไหน 

1. คนที่ปัญหาผิวแห้งกร้าน หน้าโทรม ผิวหน้าไม่สดใส 
2. คนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กๆ หรือหลุมสิวก็ตอบโจทย์
3. คนที่มีปัญหาเรื่องผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวหน้าไม่ค่อยกระชับ ผิวหน้าหย่อนคล้อย
4. คนที่ต้องการปรับสภาพผิวหน้าแบบเร่งด่วน ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น
5. สำหรับคนที่ไม่อยากแต่งหน้า อยากโชว์ผิวหน้าสดๆ เหมาะมากที่สุด
 

ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการรับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
14 มค 2567

ผลลัพธ์หลังเติมไปแล้วเป็นที่น่าพอใจมากสำหรับส่วนใหญ่ที่เลือกใช้ยี่ห้อนี้

     กระบวนการผลิตของฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Hylacross and Vycross Technology
Hylacross คือ เทคโนโลยีการผลิตที่ช่วยในการอุ้มน้ำได้ดีมากๆ และช่วยในเรื่องของความฟู ตัวเนื้อเจลให้ความยืดหยุ่นสูง ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากๆ
Vycross คือ เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้นานขึ้น ตัวเนื้อเจล หรือเนื้อฟิลเลอร์จะเกาะตัวกันหนาแน่น ทำให้หลังเติมไปแล้วผิวดูเนียนสวย 
ดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่เป็นก้อน และทำให้ฟิลเลอร์ที่เติมไปอยู่ได้นานขึ้น  

ขั้นตอนการเตรียมตัว

1. งดยาแอสไพริน วิตามินต่างๆ อย่างน้อย 3-5 วัน
2. งดดื่มแอลกอฮอล 24 ชม 
3. ทานข้าวให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้น้ำตาลตก

การปฎบัติตัวหลังทำฟิลเลอร์

1. งดนวดหน้า หรือกดจุดบริเวณที่ทำฟิลเลอร์ 14 วัน 
2. งดเลเซอร์ทุกชนิด ซาวหน้า และสตรีมไอน้ำ 14 วัน
3. หลังฉีดจะมีอาการปวดเล็กน้อย ให้ทานยาแก้ปวดตามอาการ
4. อาจจะมีอาการบวมแดงหลังทำเสร็จทันทีเล็กน้อย อาการเหล่านั้นจะหายได้เองประมาณ 2-3 วัน 
5. ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งคัด
6. ไม่ทานของแสลง และหมักดอกทุกชนิด 14 วัน
Belotero Revive เป็นรุ่นที่ความนิ่มมากๆ เน้นบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวแบบเร่งด่วน เพิ่มความชุ่มชื่นได้อย่างรวดเร็ว คนที่ไม่ชอบการแต่งหน้ายิ่งถูกใจ เพราะเป็นงานโชว์ผิวหน้าแบบโกลว์ ฉ่ำๆ และสำหรับคนที่แต่งหน้าบ่อยๆก็ยิ่งเหมาะเช่นกัน เนื่องจากการแต่งหน้าบ่อยอาจจะทำให้ผิวหน้าแห้งกร้าน การทำฟิลเลอร์แบบ Skin booster นี้เหมาะสุดๆ ทำแล้วอยู่ได้ 9-12 เดือน ราคาซีๆละ 13,900.-

ฉีดหน้าใสอันตรายไหม?

     การฉีดหน้าใสไม่อันตราย เพราะตัวยาหลักๆแล้วจะประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และวิตามินต่างๆที่ผิวต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวิตตามินต่างๆที่เน้นช่วยในการฟื้นฟู ซ่อมแซมสภาพผิว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีได้ อย และฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

ฉีดเจ็บไหม?  

คุณหมอทุกคนจะใช้เข็มเล็กทที่สุดในการฉีดเข้าที่หน้า ดังนั้นแทบจะไม่เจ็บเลย แต่สำหรับใครที่กังวลเรื่องความเจ็บสามารถแจ้งแปะยาชาได้เลย และก่อนทำจะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อให้รู้สึกชาขึ้นอีก ทำให้ตอนหมอจิ้มเข็มเข้าไปดบนหน้าไม่รู้สึกเจ็บเลย หรือถ้าเจ็บก็เจ็บน้อยมาก บางคนบอกประคบน้ำแข็งยังรู้สึกแจ็บกว่าอีก เพราะเย็นมากๆ

ทำแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?

ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ 2-3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่การดูแลของแต่ละคน และการใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวันของแต่ละบุคคล ดังนั้นถ้าจะออกนอกบ้านจะต้องทาครีมกันแดดให้ถึง และต้องทาเป็นประจำเพื่อป้องกันแสงยูวี รวมถึงทาครีมบำรุงอย่างเป็นประจำ

ฉีดแล้วหน้าจะแพ้ไหม?

     การแพ้อาจจะเกิดขึ้นได้สำหรับบางคน ซึ่งเป็นปกติของทางการแพทย์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ ก่อนทำแพทย์จะมีการซักประวัติก่อนเสมอว่าเคยอะไรบ้าง เพื่อเก็บเป็นประวัติในการพิจารณาในการรักษา แต่ส่วนใหญ่แล้วแพ้น้อยมาก เพราะเมโสแต่ละตัวจะเน้นเรื่องของผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว เน้นการบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรง ผิวสุขภาพดี ถ้าผิวคนเราแข็งแรงปัญหาของสิวก็จะลดน้อยลง แต่ไม่ใช่ไม่เกิดสิวเลย ร่างกายคนเราผลิตฮอร์โมนอยู่แล้ว ดังนั้นเป็นปกติของคนเราที่สามารถเกิดสิวใหม่ๆขึ้นได้ แต่ถ้าได้รับการบำรุงเป็นประจำปัญหาพวกนั้นก็จะลดน้อยลง

Skinvive คือ 

     Skin booster ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าที่แห้งกร้าน ผิวขาดน้ำกลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้ง สำหรับ Skinvive ช่วยฟื้นฟุสภาพผิวหน้าให้ฉ่ำวาวน้ำ ผิวอิ่มน้ำ แลดูชุ่มชื่น ผิวสุขภาพดีตลอดเวลา ยิ่งให้ที่แต่งหน้าไม่ติด หน้าเป็นปื้น เป็นขุย เหมาะมากๆเลย เพราะตัว Skinvive เป็นวนัตกรรมตัวใหม่ที่เพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่า HA ทั่วไปสองเท่าเลย ส่วนประกอบตัวนี้เรียกว่า Microdroplets of Hyaluronic acid นั้นเอง ด้วยมุลลิกุนเล็กของมัน จึงทำให้เข้าไปทำการฟื้นฟูสภาพผิวได้ถึงชั้นลุกเลย 

การทำงานของ Skinvive 

     หลักๆเน้นเรื่องของการกระตุ้นการเร่งฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งกร้าน ผิวอ่อนแอ ผิวที่ถูกแดดทำลาย ทำให้ผิวหน้าแห้งเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติดเลย ตัวSkinvive จะเข้าไปปรับสภาพลความสมดุลย์ให้กับผิวหน้าแบบเร่งด่วน ทำให้ครั้งแรกที่ทำไปก็เห็นผลแล้ว 

Skinvive ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

1.ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดีถึง 2 เท่า 
2.ช่วยกระตุ้น และเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวตลอดเวลา
3.ช่วยให้ผิวหน้าดูเงาสวย สวยแบบไม่ต้องแต่งหน้าเลย 
4.ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรง ผิวสุขภาพดี 
5.ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าที่เสื่อมโทรมกลับมาดูดีได้อย่างรวดเร็ว

Skinvive เหมาะกับใครบ้าง 

1.คนที่ผิวแห้งกร้าน ผิวขาดน้ำ ผิวลอก ผิวไหม้ ผิวเป็นขุย
2.ผิวแพ้ง่าย ผิวอ่อนแอ
3.รูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียน
4.ผิวไม่กระชับ
5.ผิวหยาบกร้าน แต่งหน้าไม่ติด แต่งหน้าแล้วหน้าเป็นปื้น 

Skinvive แตกต่างกับ Filler ไหม 

     ค่อนข้างแตกต่างกันเลย เพราะ Filler จะเน้นและรักษาการเติมเต็ม การเพิ่มวอลลุมในจุดที่บกพร่อง จุดที่เป็นปัญหาร่องลึก เช่นใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก คางสั้น ขมับลึก แก้มตอบ กลับมาเต็มขึ้น ส่วน Skinvive คือ การดูแลเรื่องของผิวหน้า หรือที่เรียกกันว่า Skinboosters การทำงานจะเน้นการฟื้นฟูสภาพผิวเป็นหลัก จะไม่ได้เน้นเรื่องการเติมเต็มแต่อย่างใดเลย 

ต้องใช้กี่ CC 

     ก่อนทำแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพปัญหาผิวหน้าของคนไข้ก่อน เพื่อวินิจฉัยปัยหาเบื้องต้น เนื่องจากปัญหาผิวหน้าแต่ละคนไม่เท่ากันเลย ส่วนใหญ่แล้วสามารถลองทำก่อนที่ 1 cc ได้เลย และสำหรับใครที่อยากเรงปรับสภาพผิว อยากเร่งฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียทั่วหน้าก็จะใช้ครั้งละ 2 cc ขึ้นไป 

ทำSkinvive กี่ครั้งถึงจะเห็นผล 

     การทำ Skinvive จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำไปเลย หลังทำไป 3-5 วันก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวแล้ว และจะเห็นผลเต็มที่ 2-4 อาทิตย์ อยู่ได้นานถึง 9 เดือนเลย 

การดูแลหลังทำ 

1.งดแต่งหน้า ทาครีม ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อให้รูเข้มปิดสนิทก่อน และเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย
2.ทายาตามที่แพทย์จ่ายไปให้ครบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 
3.งดเข้าซาวหน้า สตรีม ยิงเลเซอร์ เป็นเวลา 14 วัน 
4.หลังทำไปจะเป็นตุ่มนูนๆบริเวณที่ฉีดไปได้ เป็นอาการปกติ ไม่ต้องตกใจ ตัวยาจะค่อยๆซึมหายไปภายใน 3-5 วัน หรือบางคนอาจจะเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่ที่ร่างกายของแต่ละคนด้วย 
5.สำหรับรอยแดงของเข็มจะหายไปเองในช่วง 3-5 วัน งดเจอแสงแดดแรงๆ ในช่วงนี้ด้วย ถ้าจำเป็นต้องออกแดดจัดๆ ควรทาครีมกันแดด และใช้ร่มหรือหมวกในการปิดบังแสงยุวีจัดๆ 

Q&A Skinvive 

Q:Skinvive ผ่าน อ.ย. รึเปล่า 
A: ผ่าน อ.ย. ทั้งไทยและต่างประเทศเลย ตัวยานำเข้าโดยบริษัทอัลเลอร์แกน ไทยแลนด์ จำกัด ตัวยาได้ผ่านการรับรองอาหารและยาจาก FDA และ THAIFDA ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าตัวยาได้มาตรฐานอย่างแน่นอน 
Q: Skinvive อันตรายไหม 
A: ไม่อันตรายใดๆเลย เนื่องจากส่วนผสมของตัวยาไม่มีสารใดๆที่ทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายคนเราเลย เป็นสารที่อยู่ในชั้นผิวหนังของร่างกายคนเราอยู่แล้ว ที่เรารู้จักกันดีคือ Hyaluronic acid นั้นเอง 
Q: หลังทำอาการเป็นอย่างไร
A: อาการหลังทำ ผิวหน้าจะเป็นตุ่มนูนเล็กๆตามบริเวณที่ฉีดไป แต่อาการเหล่านั้นจะหายได้เองในเวลา 3-5 วัน หรือบางคนอาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่ที่การดูดซึมของแต่ละคนด้วย เป็นอาการปกติ ไม่ต้องกังวลหรือตกใจ 
Q: สามารทำพร้อมกับหัตถการอื่นๆได้ไหม 
A: สามารถทำพร้อมกันกับโปรแกรมอื่นๆได้ หรือขึ้นอยู่ที่แพทย์ผู้ทำหัตถการประเมินให้อีกที ตามความเหมาะสม 
Q: ทำแล้วอยุ่ได้นานไหม 
A: สำหรับตัว Skinvive เป็น Skinboosters นวัตกรรมตัวใหม่ ทำให้อยุ่ได้นานถึง 9 เดือนเลย หรือบางคนอาจจะทำปีละครั้ง ขึ้นอยู่ที่การทำกิจกรรม และการดูแลด้วย 

ราคาเปิดตัว 

1 ซีๆ ราคา 12,900 บาท 
2 ซีซี ราคา 24,000 บาท (เฉลี่ยซีๆละ 12,000 บาท) 
4 ซีซี ราคา 40,000 บาท (เฉลี่ยซีๆละ 10,000 บาท)

ความเห็นจากลูกค้าจริง



 

Thelight-clinic Channel